เกาะแรต
ชุมชนบ้านเกาะแรต เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ในอ่าวบ้านดอน หมู่ที่ 3 ตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชื่อเกาะแรตมาจาก คำว่า “แรด” ที่สะกดด้วย ด ที่หมายถึงชื่อสัตว์ ชาวจีนได้ขนานนามเกาะแห่งนี้ว่า “ฮีเด้ง” ซึ่งหมายถึง ตะเกียงสวรรค์ และต่อมาชาวจีนเขียนด้วย “ต” สะกดแทน “ด” นอกจากนี้ยังมีการสันนิษฐานได้ว่าบริเวณเกาะมีต้นขี้แรดมากจึงได้ชื่อว่าเกาะแรต ดังคำบอกเล่าของชาวบ้านว่ามาจาก ต้นขี้แรดที่มีอยู่ในชุมชน
จากคำบอกเล่าของคนจีนรุ่นเก่ากล่าวว่าก่อนเป็นชุมชนบ้านเกาะแรตในปัจจุบัน เดิมทีบนเกาะแห่งนี้มีชาวมุสลิมอพยพจากนราธิวาส ปัตตานี เข้ามาอาศัยอยู่เป็นพวกแรก ประมาณ พ.ศ. 2403 ยึดอาชีพในการทำประมงแถบชายฝั่ง มาถึงเกาะแรตเห็นว่าทำเลแถบนี้มีสัตว์น้ำชุกชุมเหมาะแก่การประกอบอาชีพจึงตั้งบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งขึ้น
การท่องเที่ยว
เกาะแรตอยู่ในทำเลที่มีทิวทัศน์สวย หากมองรอบเกาะทางด้านซ้ายมือจะเห็นทางฝั่งวัดเขาสุวรรณประดิษฐ์ แหลมทวด หาดวังหิน ท่าเรือเอนกประสงค์ ทางฝั่งขวามือของเกาะจะเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ มีเส้นทาง ชมวิวที่กำลังก่อสร้างไว้สำหรับดูปลาโลมาเล่นน้ำ และดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าหรือพระอาทิตย์ตกตอนเย็น ในช่วงน้ำแห้งสามารถเดินไปยังพื้นที่เกาะแรตได้ และชาวบ้านหลาย ๆ ท้องที่จะมาหาหอย กุ้ง ปูเป็นจำนวนมาก หรือเจาะหอยตามโขดหิน
การท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาช่วงที่สร้างสะพานเสร็จ ในปี พ.ศ.2552 ก่อนหน้านั้นคนที่เข้ามา จะมาเยี่ยมญาติในเทศกาลตรุษจีน เยี่ยมก๋ง ในปี พ.ศ.2552 นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาท่องเที่ยวแต่ไม่มากนัก เริ่มแรกจากคนไทยโดยคนในเกาะแรตรู้จักและชักชวนมา ซึ่งในตอนนั้นมีโฮมสเตย์หลังแรกของนายสุทิน แสงทอง ซึ่งอัตราค่าที่พักเป็นราคาที่ไม่แน่นอน โดยจะเฉลี่ยรายคน ต่อมาประมาณ ปี พ.ศ. 2553 มีฝรั่งเข้ามาพัก ฝรั่งกลุ่มแรกมาจากเยอรมัน ซึ่งฝรั่งที่เข้ามานั้นมีแฟนอยู่ในเกาะแรตและได้ชักชวนเพื่อนๆ มาท่องเที่ยว ปัจจุบันในชุมชนบ้านเกาะแรต มีโอมสเตย์ทั้งหมด 4 แห่ง นอกจากนั้นในชุมชนบ้านเกาะแรตมีกิจกรรมการท่องเที่ยวหลายรูปแบบด้วยกัน คือ ดูปลาโลมา ซึ่งบนเกาะแรตสามารถมองเห็นปลาโลมาที่ว่ายไปยังบริเวณน้ำทะเลจืดที่หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด (อำเภอขนอม) และกิจกรรมตกปลา เป็นต้น
ทริปเกาะแรต 2 วัน 1 คืน ดูปลาโลมา ชมพระอาทิตย์ตก เดินรอบเกาะ
การเดินทางไปเกาะแรตสามารถไปได้หลาย โดยการไปท่องเที่ยวในครั้งนี้ได้ไปรถส่วนตัว เนื่องจากมีสัมภาระที่มาก เพื่อทำการถ่ายทำภาพสวยๆ มาฝากท่านผู้อ่านกัน การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ก็ถึงแล้ว เพราะห่างจากตัวเมืองไม่มาก หรือมีวิธีการเดินทางที่แนะนำ คือเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ที่ตลาดเกษตรที่อยู่ในตัวอำเภอเมือง ซึ่งจะมีรถประจำทางไปอำเภอดอนสัก เมื่อลงรถที่ตัวอำเภอก็ต่อรถวินมอเตอร์ไซต์มาลงที่สะพานข้ามเกาะแรตได้
เมื่อมาถึงสะพานข้ามไปเกาะแรต เราก็มาชมวิวก่อนเข้าไปในเกาะกันก่อน น้ำทะเลสีฟ้าลมพัดเบาๆ
ขออวดวิวทะเลก่อนข้ามสะพานไปเกาะแรตกันหน่อย ตรงที่ไปชมวิวคือ บริเวณที่จอดรถของผู้จะเข้าไปในเกาะแรต เนื่องจากในเกาะมีพื้นที่จำกัดจึงจอดรถได้ไม่กี่คัน และในช่วงที่ได้ไปพักที่เกาะแรตก็เป็นช่วงที่กำลังปรับปรุงสะพานข้ามเกาะแรต มองจากตรงนี้จะเห็นเป็นอ่าวและพื้นจะเป็นหินยาวตลอดแนว
หลังจากชมวิวและถ่ายรูปเล่นอยู่พักใหญ่ เราก็ได้เวลาเดินทางเข้าสู่เกาะแรตแล้ว โดยจะมีรถซาเล้งของชาวเกาะแรตมารับ โดยเราได้ประสานครูนิตย์ซึ่งเป็นเจ้าของโฮมสเตย์ที่จะเข้าพัก เพื่อจะได้มีคนมารับไม่ต้องเดินข้ามสะพานไปจ้าาา ถ้าเดินข้ามสะพานก็ได้เพราะว่าสะพานยาวแค่ 400 เมตรเองงงงจ้า เอาเป็นว่านั่งซาเล้งไปกันดีกว่า ไม่มีภาพประกอบด้วยสิ
ถึงเกาะแรตแล้วววว ชาวเกาะแรตบอกว่า ยินดีต้อนรับ ชุมชนบ้านเกาะแรต อ่านตามป้ายแล้วมโนเอา^^ จากนั้นเราก็เข้าที่พักก่อน เนื่องจากพี่คนขับซาเล้งไปส่งถึงที่พักกันเลยทีเดียว ต่อไปนี้จะเป็นรีวิวที่พักกันนะจ้าา ที่เกาะแรตจะมีโฮมสเตย์ทั้งหมด 4 แห่งด้วยกัน ทีมงานพวกเราได้จองที่พักโฮมสเตย์ครูนิตย์กันจ้า
บ้านครูนิตย์ โฮมสเตย์ มีที่พักหลายห้อง ขนาดต่างกัน มีห้องขนาด 2 คน ไปจนถึง เป็น 10 คนในห้องเดียวกันเลยทีเดียว เหมาะกับการมาเที่ยวกับเพื่อนๆ เป็นแก๊งค์ จะได้นอนด้วยกันสนุกสนานไปอีกแบบ ทีมงานของเราไปกัน 5 คน จึงพักห้อง 4 คนตามภาพ โดยมีห้องน้ำรวมอยู่ด้านนอกใกล้ชานของโฮมสเตย์ ถัดมาด้านในสุดซึ่งติดกับทะเลจะมีโต๊ะอาหารไว้ทานข้าว ทำกิจกรรม เช่น ร้องคาราโอเกะ ดูทีวี และมีลานกว้างโล่งๆ ไว้ให้เราสามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อีกด้วย
หลังจากเข้าที่พักเพื่อเก็บสัมภาระและสำรวจที่พักเรียบร้อยแล้ว ทีมงานก็เดินสำรวจรอบเกาะ ในเกาะแรตจะมีบ้านเรือนไม่ถึง 100 หลังคาเรือน จากการเดินสำรวจแล้วส่วนใหญ่ชาวบ้านจะประกอบอาชีพประมง สังเกตุได้จากเกือบทุกบ้านจะมีแหตากอยู่ บางบ้านก็นั่งแกะกั้งเพื่อส่งขาย
ลักษณะของบ้านในเกาะแรตจะเป็นบ้านไม้ ปลูกติดๆกันมีถนนเล็กๆ กั้นกลาง บรรยากาศเงียบสงบและสะอาดมาก ในระหว่างที่ทีมงานเดินชมรอบเกาะก็จะได้ยินคำทักทายจากชาวเกาะแรตตลอดทาง ชาวบ้านที่นี่น่ารักและอัธยาศัยดี รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเกาะแรต
เมื่อเดินจากที่พักมาเรื่อยๆ มาถึงบริเวณหน้าเกาะแรตตรงบริเวณทางเข้า จะมีศาลเจ้าบ้านเกาะแรต ซึ่งในเกาะแรตจะมีศาลเจ้าอยู่หลายศาลเจ้า ก็น่าจะมาจากที่ชาวเกาะแรตมีการอพยพมากจากเกาะไหหลำ ประเทศจีน เมื่อ 200 กว่าปีก่อน
ศาลเจ้าแม่กวนอิมจะอยู่ทางฝั่งขวามือของเกาะ จะต้องเดินขึ้นไปบนศาลเจ้านิดหน่อย เมื่อมองจากศาลเจ้าแม่กวนอิมจะเห็นสะพานที่ข้ามายังเกาะแรต
ถัดมาจากศาลเจ้าแม่กวนอิม เดินทางมาอีกนอดหน่อยจะพบศาลเจ้าพ่อเสือ ทีมงานจึงแวะไปสักการะ
เมื่อเราเดินไปอีกเรื่อยๆ จากตรงนี้ซึ่งระยะทางได้ประมาณครึ่งเกาะแล้ว จะมีทางเดินที่ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อให้เราเดินรอบเกาะได้ ซึ่งระหว่างบ้านของชาวเกาะแรตจะค่อยๆ ห่าง จนเกือบไม่มีบ้าน ซึ่งอยู่ส่วนท้ายๆ เกาะ
เมื่อเดินมาเรื่อย ก็เป็นเวลาเย็นๆ จะค่ำพอดี จึงไปหาที่นั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อเก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตยืตกดินที่เกาะแรต ซึ่งเดินมาเกือบรอบเกาะแล้ว มารอดูพระอาทิตย์ตกใกล้ๆ โรงเรียนบ้านเกาะแรต ซึ่งมีจุดชมวิว ที่ทำไว้อย่างน่ารักด้วย
บริเวณนี้เป็นด้านหลังของโรงเรียนบ้านเกาะแรต ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์ โดยให้นักท่องเที่ยวพักในอาคารเรียน เมื่อเรานั่งรอสักพักพระอาทิตย์ก็ตกพอดี ได้เก็บภาพมาฝากกัน
หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดินกันแล้ว ทีมงานก็เดินผ่านโรงเรียนบ้านเกาะแรตมายังโฮมสเตย์บ้านครูนิตย์ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียน เมื่อมาถึงครูนิตย์ก็กำลังทำอาหารมื้อเย็นให้พวกเรากัน ระหว่างรอครูนิตย์จึงได้เก็บภาพบรรยากาศพลบค่ำตรงชานบ้านครูนิตย์ เมื่อมองไปอีกฝั่งจะเห็นแสงไฟจากฝั่งดอนสัก เห็นเป็นเจดีย์ที่วัดเขาสุวรรณประดิษฐ์
ได้เวลาอาหารเย็นฝีมือครูนิตย์ คุณครูบอกเติมได้ไม่อั้น มีเมนูแกงส้ม ต้มตะไคร้ปลาหมึก ปูม้านึ่ง ปลาเค็มทอด และกุ้งทะเลตัวใหญ่ พร้อมผลไม้อีก 1 ชุด
หลังจากมื้อเย็นเราก็ได้พูดคุยกับครูนิตย์เจ้าของโฮมสเตย์ผู้น่ารัก ครูได้เล่าเรื่องของสะพานข้ามมายังเกาะแรตว่า แต่เดิมการข้ามฝั่งไปยังฝั่งดอนสัก ต้องใช้เวลานานเนื่องจากต้องรอเรือที่จะข้ามฝั่งทำให้ต้องรอนาน และเมื่อมีสะพานก็ชำรุด ชาวบ้านจึงได้ส่งฎีกาถวายไปยังในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งต่อมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณทรงให้สร้างสะพานข้ามเกาะแรต และเปิดใช้เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2553 โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีเสด็จแทนพระองค์มาในการเปิดสะพาน ซึ่งมีชื่อว่า ” สะพานสิริราช ” ครูนิตย์เล่าว่าในวันนั้นครูได้รับเสด็จในนามชาวบ้านเกาะแรตด้วย ในวันนั้นพระองค์ได้เสด็จข้ามมายังเกาะแรตสร้างความยินดีให้กับชาวเกาะแรตเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก็อยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ท่าน
ในรุ่งเช้าทีมงานก็ตื่นกันก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อที่จะไปเก็บภาพบรรยาศพระอาทิตย์ขึ้นกัน เราก็เดินทางโรงเรียนบ้านเกาะแรตท่ามกลางความมือและลมโชยเย็นๆ อากาศดีมากๆ เลยทีเดียว หลังจากการคำนวนหาทิศตะวันออกกันแล้ว เพื่อความชัวร์เราจึงใช้เทคโนโลยีช่วยเพื่อหาตำแหน่งพระอาทิตย์ขึ้น
ในระหว่างที่รอพระอาทิตย์ขึ้น ก็จะมีคุณลุงคุณป้ามาเดินออกกำลังตามทางเดินรอบเกาะ ซึ่งก็มีการทักทายพวกเราอีกเช่นเดิม ทำให้รู้สึกว่าคนที่นี่น่ารักและอบอุ่นเหลือเกิน หลังจากที่ดื่มด่ำกับการดูพระอาทิตย์ขึ้น พวกเราก็กลับไปอาบน้ำเตรียมตัวไปดูปลาโลมากัน เช่นเดิมเมื่อกลับมาคุณครูนิตย์ก็เตรียมอาหารเช้าไว้ให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว เมนูเช้านี้เป็นข้ามต้มและปลาท่องโก๋
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาไปดูปลาโลมากัน โดยคุณครูนิตย์ใจดีเป็นคนหาเรือพาเราไปดูปลาโลมากัน โดยทีมงานเราเหมาเรือไปราคาตามแต่เราตกลงกัน เราก็ไปขึ้นเรือตรงทางเข้าเกาะกัน